กีตาร์โปร่งทรงยอดนิยม มีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร ?

กีตาร์โปร่งทรงยอดนิยม มีกี่แบบ และแตกต่างกันอย่างไร ?

มาดูกันว่ากีตาร์โปร่งทรงที่ได้รับความนิยมในหมู่มาก ว่าการใช้งาน และรูปร่างจะแตกต่างกันอย่างไร ??
กีตาร์โปร่งมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของนักดนตรี การเลือกกีตาร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเล่นของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์การเล่นที่ดีที่สุด โดย Music Entrance ได้เลือกทรง Dreadnought, Orchestra Model,Grand Auditorium, Jumbo, Parlor, Classical (Nylon-String), Travel Guitar, 12-String Guitar มาดูความแตกต่างกัน !!

1.Dreadnought

• • ลักษณะ: มีตัวถังขนาดใหญ่ รูปทรงที่กว้างและลึก มีรูปร่างค่อนข้างเป็นเหลี่ยม
  • ขนาด: ขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดากีตาร์โปร่งมาตรฐาน ทำให้มีช่องเสียง (soundboard) ที่กว้าง และสามารถสร้างเสียงที่ก้องกังวาน
  • เสียง: เสียงเบสที่ลึก และก้องกังวาน มีพลังเสียงที่มาก เหมาะกับการเล่นที่ต้องการเสียงที่หนักแน่นและเต็ม
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการเล่นแนวสตรัมมิ่ง (strumming) และการใช้ปิ๊ก เนื่องจากสามารถสร้างเสียงที่ดัง และก้องกังวาน ทำให้ดีเยี่ยมในการเล่นกับวงดนตรีหรือในสถานที่ที่ต้องการเสียงที่เข้มข้น

2. Orchestra Model (OM)

• • ลักษณะ: ตัวถังขนาดกลาง มีรอบโค้งที่ละเอียดอ่อนและเน้นเสียงที่สมดุลทุกย่านเสียง
  • ขนาด: กว้างน้อยกว่าทรง Dreadnought แต่ลึกกว่า Concert
  • เสียง: ให้เสียงที่คมชัดและสมดุล ทั้งย่านเบส ย่านกลาง และย่านแหลม เสียงจะมีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อใช้ในการเล่นฟิงเกอร์สไตล์
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการเล่นเพลงที่ต้องการความละเอียดอ่อน เช่น ฟิงเกอร์สไตล์ โฟล์ก และการเล่นโซโล่ สามารถใช้ได้ทั้งปิ๊กและนิ้ว

3. Grand Auditorium (GA)

• • ลักษณะ: ตัวถังขนาดใหญ่กว่า Auditorium เล็กน้อย มีรูปร่างที่คล้ายคลึงกัน แต่มีความลึกของตัวถังมากกว่า
  • ขนาด: ใหญ่กว่า Auditorium แต่ยังคงเล็กกว่า Dreadnought
  • เสียง: ให้เสียงที่เต็มและลึกกว่า Auditorium มีเสียงเบสที่ก้องกังวานและย่านเสียงที่สมดุลในทุกย่าน
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการเล่นที่หลากหลาย ทั้งการใช้นิ้วและปิ๊ก เล่นได้ดีทั้งฟิงเกอร์สไตล์และสตรัมมิ่ง

4. Jumbo

• • ลักษณะ: ตัวถังขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดากีตาร์โปร่งมาตรฐาน มีรูปร่างที่โค้งมนมาก โดยเฉพาะบริเวณด้านล่างของตัวถัง (lower bout)
  • ขนาด: ตัวถังมีความกว้างและลึกกว่าทรง Dreadnought ทำให้มีปริมาตรเสียงมากกว่า
  • เสียง: ให้เสียงเบสที่ลึกและทรงพลังมากขึ้น เสียงที่ออกมามีความก้องกังวานและกว้างขวางกว่าทรง Dreadnought สามารถให้เสียงที่หนักแน่นและเต็มอิ่มในทุกย่านเสียง
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการเล่นที่ต้องการเสียงที่ดังและก้องกังวาน เช่น การเล่นในวงดนตรี การเล่นสตรัมมิ่ง (strumming) และการใช้ปิ๊ก นอกจากนี้ยังดีสำหรับการเล่นเดี่ยวในสถานที่ใหญ่ ๆ

5. Parlor

• • ลักษณะ: ตัวถังขนาดเล็กและแคบ มีรูปร่างที่โค้งมนมากกว่าทรงอื่น ๆ โดยเฉพาะบริเวณช่วงเอว (waist) ของกีตาร์
  • ขนาด: ขนาดเล็กกว่าทรงอื่น ๆ ทำให้มีความเบาและสะดวกในการพกพา
  • เสียง: ให้เสียงที่เน้นย่านกลางและแหลม เสียงที่ออกมามีความคมชัดและอบอุ่น แต่มีปริมาตรเสียงเบสที่น้อยกว่าทรงใหญ่ ๆ เช่น Dreadnought หรือ Jumbo
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการเล่นฟิงเกอร์สไตล์, โฟล์ก, บลูส์ และเพลงโซโล่ การใช้ปิ๊กก็ได้เช่นกัน แต่เสียงที่ได้จะไม่ดังเท่าทรงใหญ่ ๆ ทำให้เหมาะสำหรับการเล่นในสถานที่เล็ก ๆ หรือเล่นส่วนตัว

6. Classical (Nylon-String)

• • ลักษณะ: มีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับกีตาร์โปร่งทั่วไป แต่ตัวถังมักจะเล็กกว่า และคอของกีตาร์กว้างกว่ากีตาร์โปร่งสายเหล็ก
  • ขนาด: ตัวถังมีขนาดเล็กถึงกลาง และมีคอที่กว้างกว่า ทำให้การเล่นโน้ตแต่ละตัวชัดเจนขึ้น
  • เสียง: ให้เสียงที่นุ่มนวลและอบอุ่น เสียงที่ได้มีความละเอียดและชัดเจน แต่ไม่มีความกังวานและพลังเสียงเท่ากีตาร์โปร่งสายเหล็ก เสียงเบสมีความนุ่มนวลและย่านเสียงกลางและแหลมมีความชัดเจน
  • สาย: ใช้สายไนลอน (Nylon strings) ซึ่งมีความนุ่มนวลและไม่ทำให้เจ็บนิ้วเหมือนสายเหล็ก และได้เสียงในย่านที่ค่อนข้างอบอุ่นกว่าสายเหล็กทั่วไป
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการเล่นเพลงคลาสสิก, ฟลามิงโก, โบซาโนวา และเพลงที่ต้องการความละเอียดและความคมชัดของเสียง การใช้นิ้วเล่น (fingerstyle) เป็นที่นิยมมาก เนื่องจากสายไนลอนมีความนุ่มนวลและให้เสียงที่คมชัด

7. Travel Guitar

• • ลักษณะ: ตัวถังขนาดเล็กกว่ากีตาร์โปร่งมาตรฐาน มีรูปร่างที่ออกแบบมาให้พกพาสะดวก มักมีน้ำหนักเบาและโครงสร้างที่ทนทาน
  • ขนาด: ขนาดเล็กและเบา ง่ายต่อการพกพาใส่กระเป๋าหรือกระเป๋าเป้
  • เสียง: ให้เสียงที่ชัดเจนและคมชัด แต่เสียงเบสอาจไม่ลึกเท่ากับกีตาร์ที่มีตัวถังใหญ่กว่า
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการเดินทาง, การออกทริป, การเล่นระหว่างการเดินทาง, การฝึกซ้อมในที่ที่มีพื้นที่จำกัด

8. 12-String Guitar

• • ลักษณะ: มีจำนวนสายทั้งหมด 12 สาย แบ่งเป็นคู่ ๆ คู่แรกเป็นสายสูง (octave pairs) และคู่ต่อ ๆ ไปจะเป็นสายที่มีความถี่เดียวกัน (unison pairs) รูปร่างและขนาดของตัวถังคล้ายกับกีตาร์โปร่งทั่วไป แต่มีความแข็งแรงมากกว่าเพื่อรองรับความตึงของสายที่เพิ่มขึ้น
  • ขนาด: มีขนาดและรูปร่างที่หลากหลาย ตั้งแต่ทรง Dreadnought, Jumbo ไปจนถึงทรงอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละยี่ห้อ
  • เสียง: ให้เสียงที่เต็มและกังวานมากกว่ากีตาร์ 6 สาย เนื่องจากมีการเพิ่มสายคู่ เสียงที่ได้มีความลึกและก้องกังวาน โดยเฉพาะเมื่อเล่นเป็นคอร์ด เสียงที่ออกมาจะมีความลึกซึ้งและมีมิติที่เพิ่มขึ้น
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการเล่นสตรัมมิ่ง (strumming) และการเล่นคอร์ด โดยเฉพาะในเพลงแนวโฟล์ก, ร็อค, และเพลงที่ต้องการความก้องกังวานและมิติของเสียงที่มากขึ้น การเล่นฟิงเกอร์สไตล์สามารถทำได้ แต่ต้องใช้ทักษะที่มากขึ้น

---

Vintage V140VSB Historic Series [Dreadnought]

Vintage V160VSB Historic Series [Orchestra]

Kazuki Soul Series GA

Vintage V180VSB Historic Series [Parlour]

Kazuki Soul Series SJ

Fender CN-140SCE [Natural]

Kazuki Tripper Series TP34E Natural

Vintage VE-440WK Statesboro Series [12-String]

 

#Musicentrance #Kazuki #Kazukiguitar #kazukideluxe #japanesesound #กีตาร์ #กีต้าร์ #กีตารโปร่ง #แนะนำกีตาร์โปร่ง #ร้านขายเครื่องดนตรี #Fender #vintage